Propertyhub
propertyhub logo
Reviewคู่มือ/ซื้อ/ขาย/เช่าHome & LivingNewsนายหน้ามือโปร
ค้นหาบทความclock

คู่มือการซื้ออสังหาฯ ในไทย สำหรับชาวต่างชาติ

ชาวต่างชาติซื้อบ้าน - ซื้อคอนโด
BY
KAiiW.
โพสต์เมื่อ
09 May 2025

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ ผู้เกษียณอายุ ฯลฯ และด้วยความมีเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย ก็ทำให้ชาวต่างชาติหลาย ๆ คน ต้องการที่จะมาปักหมุดซื้อบ้านซื้อคอนโด หรืออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเพื่ออยู่อาศัยในระยะยาว แต่เนื่องจากประเทศไทยมีกฎหมายที่จำกัดสิทธิ์ของชาวต่างชาติในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ จึงทำให้คุณต้องศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เพื่อที่การครอบครองอสังหาริมทรัพย์จะได้ไม่มีปัญหาตามมาในภายหลัง ซึ่งในบทความนี้เราก็ได้รวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยที่ชาวต่างชาติควรรู้มาฝาก  

 

1. ชาวต่างชาติสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยได้หรือไม่ ?

คำตอบคือ - ได้ แต่อาจจะมีข้อจำกัดในอสังหาริมทรัพย์แต่ละประเภท

  • คอนโดมิเนียม (Condominium) : เป็นทรัพย์ประเภทเดียวที่ชาวต่างชาติสามารถถือกรรมสิทธิ์โดยตรงได้ โดยต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ชาวต่างชาติจะสามารถซื้อคอนโดแบบถือครองกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ (freehold) ได้ไม่เกินร้อยละ 49 ของพื้นที่ยูนิตทั้งหมดของทางโครงการคอนโด ดังนั้นหากต้องการซื้อคอนโดควรตรวจสอบกับผู้ขายให้มั่นใจว่ายังเหลือสัดส่วนสำหรับให้ชาวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์หรือไม่
  • บ้านและที่ดิน : ตามกฎหมายของไทยไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือบ้านโดยตรง อย่างไรก็ตาม มี 2 วิธีที่นิยมใช้ในการเข้าถึงสิทธิในการอยู่อาศัยหรือใช้ประโยชน์จากบ้านและที่ดินในไทยได้ ดังนี้
    1. การทำสัญญาเช่าแบบระยะยาว ซึ่งทำได้สูงสุด 30 ปี พร้อมสิทธิ์ในการต่อสัญญา ได้สองครั้ง ครั้งละ 30 ปี รวมเป็นระยะเวลาทั้งหมด 90 ปี (Leasehold)
    2. การจัดตั้งบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นชาวไทยอย่างน้อย 51% เพื่อซื้อที่ดินหรือบ้านในนามของบริษัท (ทั้งนี้หากกรมที่ดินตรวจพบว่าผู้ถือหุ้นคนไทยเป็นเพียง “ตัวแทน” หรือนอมินี ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในกิจการจริง จะมีการดำเนินคดีและริบทรัพย์ เพราะถือว่าทำผิดกฎหมายในประเทศไทย)

 

ทั้งนี้หากชาวต่างชาติจดทะเบียนสมรสกับคู่สมรสชาวไทยจะสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์อื่นนอกเหนือจากคอนโดได้ ด้วยการเป็นผู้กู้ร่วมหรือเป็นผู้ค้ำประกันให้กับคู่สมรสชาวไทย

 

2. เงื่อนไขของชาวต่างชาติที่สามารถถือครองที่ดินได้

แม้กฎหมายจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติถือครองที่ดินโดยตรง แต่มีข้อยกเว้นที่รัฐอนุญาตให้ชาวต่างชาติถือครองที่ดินได้ในบางกรณี โดยมีเงื่อนไข ดังนี้

  • นำเงินมาลงทุนในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท โดยชาวต่างชาติที่ต้องการถือครองที่ดินในไทยจะต้องมีการลงทุนในธุรกิจหรือโครงการที่ได้รับอนุมัติจากรัฐด้วยมูลค่าการลงทุนขั้นต่ำ 40 ล้านบาท
  • ดำรงการลงทุนอยู่ไม่น้อยกว่า 5 ปี เพื่อแสดงถึงความตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย
  • ที่ดินนั้นต้องอยู่ในเขตที่กำหนด โดยรัฐบาลจะกำหนดเขตพื้นที่เฉพาะสำหรับการถือครองที่ดินของชาวต่างชาติ เช่น พื้นที่ที่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษหรือเขตที่ส่งเสริมการลงทุน
  • ถือครองที่ดินได้ไม่เกิน 1 ไร่ โดยที่ดินนั้นต้องใช้เพื่อการอยู่อาศัยเท่านั้น

 

3. Freehold และ Leasehold แตกต่างกันอย่างไร ?

การถือครองอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยสำหรับชาวต่างชาติแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก ๆ คือ Freehold และ Leasehold ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยมีรายละเอียดังนี้

1. Freehold (กรรมสิทธิ์สมบูรณ์)

Freehold คือ การถือกรรมสิทธิ์อย่างสมบูรณ์ในอสังหาริมทรัพย์ ชาวต่างชาติที่ซื้ออสังหาฯ แบบ Freehold จะถือสิทธิเป็นเจ้าของตามกฎหมายไทยอย่างถาวร โดยไม่มีการกำหนดระยะเวลา ถือเป็นสิทธิที่มั่นคงที่สุดที่สามารถมีได้

  • ผู้ถือครองสามารถขาย โอน มรดก หรือให้เช่าได้อย่างเสรี
  • เหมาะสำหรับผู้ที่วางแผนอยู่อาศัยหรือถือครองในระยะยาว
  • มีสิทธิเต็มในการตกแต่ง ดัดแปลง หรือปรับปรุงทรัพย์สินภายในกฎหมาย
  • มีความมั่นคงทางกฎหมายสูง
  • ถือเป็นกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ภายใต้กฎหมายไทย
  • อสังหาริมทรัพย์ที่สามารถซื้อแบบ Freehold ได้ คือ "คอนโดมิเนียม" เท่านั้น

เงื่อนไขสำคัญ

  • ต้องโอนเงินเข้าประเทศไทยเป็นสกุลเงินต่างประเทศผ่านบัญชีธนาคารพาณิชย์ไทย และแปลงเป็นเงินบาทในประเทศไทย
  • ธนาคารจะออกเอกสาร Foreign Exchange Transaction Form (FETF) ใช้ในการยืนยันแหล่งที่มาของเงิน
  • ผู้ถือครองสามารถถือครองได้อย่างไม่มีกำหนด จนกว่าจะขายหรือโอนสิทธิให้ผู้อื่น

2. Leasehold (สิทธิการเช่าระยะยาว)

Leasehold คือ การเช่าอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว โดยไม่ใช่การถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน ชาวต่างชาติสามารถทำสัญญาเช่ากับเจ้าของทรัพย์สิน (มักเป็นคนไทยหรือบริษัทไทย) ได้สูงสุด 30 ปี ตามกฎหมายไทย โดยสามารถทำข้อตกลงต่อสัญญาได้เพิ่มเติมอีก 30 + 30 ปี (รวม 90 ปี)

  • สิทธิการเช่าจะระบุชัดเจนในเอกสารสัญญาและควรจดทะเบียนกับสำนักงานที่ดิน
  • ผู้เช่ามีสิทธิใช้ทรัพย์สินตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา
  • ไม่สามารถขายหรือโอนสิทธิได้โดยง่าย เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า
  • ใช้ได้กับอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท
  • เป็นทางเลือกเดียวในการได้ครอบครองบ้านหรือที่ดินโดยไม่ถือกรรมสิทธิ์โดยตรง
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยระยะยาวแต่ไม่มีสิทธิซื้อแบบ Freehold
  • ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นต่ำกว่าการซื้อแบบ Freehold

ข้อจำกัดและข้อควรระวัง

  • ไม่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน และไม่สามารถจำนองหรือต่อรองราคาเหมือนเจ้าของได้
  • ค่าเช่าอาจเพิ่มขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด
  • การต่อสัญญาขึ้นอยู่กับความสมัครใจของเจ้าของที่ดิน
  • การขายต่อทำได้ยาก ต้องได้รับอนุมัติจากเจ้าของทรัพย์ก่อนเสมอ
  • ในกรณีที่ผู้ให้เช่าเสียชีวิต หรือมีคดีความ ทรัพย์สินอาจมีความเสี่ยงต่อสิทธิของผู้เช่า
  • ตรวจสอบให้แน่ชัดว่าสัญญาเช่าถูกต้อง ครอบคลุมสิทธิที่ตกลงไว้
  • สัญญาเช่าเรื่องการต่ออายุต้องเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น เพราะจะสามารถนำไปใช้ทางกฎหมายได้ หากมีข้อพิพาทเกิดขึ้น

 

4. หลักการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยสำหรับชาวต่างชาติ

การเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยสำหรับชาวต่างชาติ จำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงตอนเข้าอยู่อาศัยจริงในระยะยาว เพื่อให้การเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ของคุณตอบโจทย์ในการใช้ชีวิตได้ครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นความชอบส่วนบุคคล การเดินทาง การออกไปใช้ชีวิตหรือแม้กระทั่งการลงทุน ซึ่งเราก็ได้รวบรวมหลักการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย มาฝากดังนี้  

รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ?

  • วัตถุประสงค์คืออะไร ? พักอาศัย ปล่อยเช่าหรือลงทุนระยะยาว
  • ต้องการอยู่ในเมืองใหญ่ ใกล้ทะเลหรือแบบเงียบสงบตามต่างจังหวัด
  • กำหนดขนาดพื้นที่ จำนวนห้องและสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น

เลือกทำเลที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต

  • ถ้าคุณต้องการความสะดวกสบาย : ให้เลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ใกล้รถไฟฟ้า BTS, MRT, ห้างสรรพสินค้า หรือพื้นที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานครฯ แต่ถ้าเลือกซื้ออสังหาฯ ตามต่างจังหวัดให้ซื้อในตัวเมืองเป็นหลัก
  • ถ้าชอบธรรมชาติ : ให้เลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ตามต่างจังหวัด เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ฯลฯ ซึ่งอาจจะตอบโจทย์ได้มากกว่าอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ

*** อย่าดูแค่ปัจจุบันให้มองอนาคตของพื้นที่นั้นด้วย (การเติบโต, โครงการพัฒนา, มูลค่าที่เพิ่มขึ้น)

กำหนดงบประมาณให้ชัดเจน

  • กำหนดงบรวมทั้งหมด รวมค่าธรรมเนียม ภาษี ค่าบำรุงรักษา ฯลฯ
  • เตรียมเผื่อค่าใช้จ่ายแฝง เช่น ค่าตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ หรือค่าซ่อมแซม

เลือกชมอสังหาฯ ที่ชอบตามเว็บไซต์และนัดเพื่อเข้าชมสถานที่จริง

ในปัจจุบันนี้คุณไม่จำเป็นที่จะต้องเดินทางเพื่อหาซื้ออสังหาริมทรัพย์เหมือนในอดีตให้เหนื่อยแรง เพราะคุณสามารถเลือกอสังหาริมทรัพย์ได้ทางเว็บไซต์ Propertyhub ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมประกาศขาย/เช่า อสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบในประเทศไทย ที่ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก และที่สำคัญมีอสังหาริมทรัพย์ให้คุณเลือกมากมายไม่ว่าจะเป็น คอนโด บ้าน ที่ดิน ฯลฯ และเมื่อคุณเจอกับอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกใจแล้ว ก็ให้คุณทำการนัดกับเจ้าของอสังหาฯ หรือ Agent เพื่อเข้าชมสถานที่จริงก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ

ตรวจสอบคุณภาพโครงการและผู้พัฒนา

  • เลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์จากผู้ขายที่น่าเชื่อถือ เช่น ผู้พัฒนาโครงการรายใหญ่ ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ที่มีใบอนุญาต
  • โครงการสร้างเสร็จจริงไหม ? เลือกคุณภาพวัสดุดีหรือไม่ ?
  • หากเป็นโครงการมือสองให้ดูสภาพโดยรวมว่าเป็นอย่างไร ? ต้องซ่อมแซมหรือมีการชำรุดตรงส่วนไหน ? พื้นที่ส่วนกลางมีอะไรมอบให้บ้าง ?

ทดลองใช้ชีวิตในพื้นที่นั้นจริง ๆ

  • ให้ลองพักค้างแรมในบริเวณใกล้เคียงอสังหาริมทรัพย์ที่คุณต้องการซื้อ
  • ดูว่าการเดินทางสะดวกแค่ไหน สภาพแวดล้อมปลอดภัยหรือไม่ ?
  • สังเกตตอนกลางคืนและวันหยุด ว่ามีเสียงรบกวน หรือมีการจราจรที่แออัดหรือเปล่า ?
  • ร้านอาหาร หรือสถานที่สำคัญต่าง ๆ อยู่ไกลไหม ?

ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ ที่เราได้กล่าวไปข้างต้น จะช่วยให้คุณได้เจอกับอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกใจและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตได้อย่างแน่นอน

 

5. ขั้นตอนการซื้อคอนโดในประเทศไทยสำหรับชาวต่างชาติ

1. วางเงินจองห้อง

หลังจากเลือกคอนโดที่ถูกใจได้แล้ว ขั้นตอนแรกคือการวางเงินจอง โดยปกติชาวต่างชาติจะวางเงินจอง ประมาณ 50,000 – 200,000 บาท หรือขึ้นอยู่กับราคาของคอนโดเป็นหลัก ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการยืนยันการจองคอนโด

2. ทำสัญญาจะซื้อจะขาย

จากนั้นจะมีการนัดทำ “สัญญาจะซื้อจะขาย” ซึ่งเอกสารนี้จะระบุรายละเอียดของอสังหาริมทรัพย์ที่คุณเลือกไว้ พร้อมยอดเงินทั้งหมดที่ต้องชำระ หากมีงวดการผ่อนดาวน์ ก็จะมีการกำหนดไว้ในสัญญานี้ด้วย

3. เตรียมการโอนกรรมสิทธิ์

เมื่อถึงขั้นตอนโอนกรรมสิทธิ์ คุณควรจะต้องเตรียมเงินให้พร้อมหรือหากต้องการกู้เงินก็สามารถวางแผนกับสถาบันการเงินได้ล่วงหน้า และในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการเองได้ ชาวต่างชาติสามารถมอบอำนาจให้ทาง Agent หรือ Developer เป็นผู้ดำเนินการแทน ณ สำนักงานที่ดิน (ควรมาจัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ ในประเทศไทยด้วยตนเองให้เรียบร้อยเสียก่อน)

4. สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาประเทศไทยได้

หากชาวต่างชาติไม่สะดวกเดินทางมายังประเทศไทย ก็สามารถนำเอกสารที่จำเป็นไปแสตมป์ตรา Notary Public ที่สถานทูตไทยในประเทศนั้น ๆ เพื่อยืนยันความถูกต้อง จากนั้นส่งเอกสารกลับมาให้ทาง Agent หรือ Developer ในไทย ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ในลำดับต่อไป

5. รับเอกสารกรรมสิทธิ์

ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อการโอนเสร็จสิ้นแล้ว ผู้ซื้อจะได้รับ “หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดคอนโด” และ “สัญญาซื้อขาย” จากสำนักงานที่ดิน ซึ่งถือเป็นหลักฐานยืนยันว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์คอนโดอย่างสมบูรณ์

 

6. การชำระเงินของชาวต่างชาติในการซื้อคอนโดในไทย

การชำระเงินของชาวต่างชาติในการซื้อคอนโดในประเทศไทยจะต้องเป็นเงินที่โอนมาจากต่างประเทศทั้งหมด และต้องเป็น สกุลเงินต่างประเทศเท่านั้น โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. เงินจอง

สามารถชำระผ่าน บัตรเครดิต หรือโอนเงินจากต่างประเทศได้

2. เงินผ่อนดาวน์

โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 20 – 30% ของราคารวม ผู้ซื้อจะต้องโอนเงินในแต่ละงวดจากต่างประเทศเป็นสกุลเงินต่างประเทศทุกครั้ง

3. การโอนกรรมสิทธิ์

แม้ว่าชาวต่างชาติจะมีเงินอยู่ในบัญชีธนาคารไทย ก็ไม่สามารถใช้เงินก้อนนั้นเพื่อชำระค่าโอนได้ ซึ่งเงินสำหรับการโอนกรรมสิทธิ์จะต้องมาจาก การโอนระหว่างประเทศเท่านั้น แต่หากผู้ซื้อมีเงินก้อนพร้อมอยู่ในต่างประเทศก็สามารถโอนได้ทันที หรือหากต้องการกู้เงิน สามารถยื่นขอกู้จากธนาคารหรือสถาบันการเงินที่รองรับได้

 

7. ภาษีและค่าธรรมเนียมในการซื้อคอนโดในประเทศไทย

ในการซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทย นอกจากราคาซื้อขายแล้ว ผู้ซื้อและผู้ขายยังต้องรับผิดชอบค่าธรรมเนียมและภาษีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งหลัก ๆ ได้แก่ ค่าที่ผู้ซื้อรับผิดชอบและค่าที่ผู้ขายต้องจัดการ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ค่าใช้จ่ายฝั่งผู้ซื้อ

1. ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ (Transfer Fee)

เป็นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าผู้ซื้อจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติก็ต้องชำระ

คิดเป็น 2% ของราคาประเมินทรัพย์สินหรือคำนวณจากมูลค่าที่ระบุในสัญญาซื้อขาย (แล้วแต่กรณี) โดยทั่วไปมักแบ่งจ่ายระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย แต่ในหลายกรณีผู้ซื้อจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบส่วนใหญ่

2. อากรแสตมป์ (Stamp Duty Tax)

จะต้องชำระอากรแสตมป์ 0.5% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย แล้วแต่ว่ายอดไหนสูงกว่ากัน เฉพาะในกรณีที่ไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ แต่หากเรียกเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว (SBT หรือ Specific business tax) มักจะไม่ต้องเสียอากรแสตมป์

ค่าใช้จ่ายฝั่งผู้ขาย

1. ภาษีธุรกิจเฉพาะ (Specific Business Tax)

เรียกเก็บเมื่อผู้ขายขายทรัพย์สินภายในระยะเวลา ไม่เกิน 5 ปี นับจากวันที่ถือครอง คิดเป็น 3.3% ของราคาประเมิน หรือราคาขายที่ลงทะเบียน (แล้วแต่ยอดที่สูงกว่า)

2. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (Withholding Tax)

ภาษีนี้จะคำนวณจากรายได้ของผู้ขาย หากผู้ขายเป็นบุคคลธรรมดาจะคำนวณตามขั้นบันไดภาษีเงินได้โดยมีการหักค่าเสื่อมตามปีที่ถือครอง และใช้วิธีคำนวณขั้นบันได หากผู้ขายเป็นนิติบุคคล จะคิดเป็น 1% ของราคาขาย หรือราคาประเมิน (แล้วแต่ยอดสูงกว่า)

 

ก่อนจะซื้อขายคอนโดในไทย อย่าลืมสอบถามให้ชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายแต่ละส่วน เพราะในบางกรณีอาจมีการตกลงให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกค่าธรรมเนียมทั้งหมด เพื่อให้ไม่มีความเข้าใจผิดในภายหลัง

 

การซื้อคอนโดในประเทศไทยสำหรับชาวต่างชาติไม่ใช่เรื่องยาก หากเข้าใจกฎเกณฑ์และขั้นตอนอย่างถูกต้อง ตั้งแต่การวางเงินจอง การทำสัญญา การโอนกรรมสิทธิ์ ไปจนถึงเรื่องภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสิ่งสำคัญคือการเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน โอนเงินผ่านช่องทางที่ถูกต้องตามกฎหมายกำหนดและมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ ไม่ว่าจะเป็นทนายความ นายหน้า หรือผู้พัฒนาโครงการ ทั้งนี้คุณสามารถค้นหาคอนโด บ้าน ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบในประเทศไทย เพื่อซื้อ/เช่า ได้ที่ Propertyhub : Best Thailand property marketplace for condos, homes, and land. Create your free listing now!

แชร์เนื้อหา
KAiiW.
ช่องทางในการติดตาม
LINE@ Add Friend
บทความที่เกี่ยวข้อง

แนวทางใน "การแต่งห้องสำหรับนักลงทุนปล่อยเช่าอสังหาฯ"

ในบทความนี้จะพาไปดูแนวทางการแต่งห้องที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนสายปล่อยเช่า ที่ไม่ใช่แค่สวย แต่ต้องคิดเผื่อการใช้งานจริง เพื่อช่วยให้ปล่อยเช่าได้เร็ว และลดต้นทุนแฝงที่อาจจะบั่นทอนผลตอบแทนในอนาคต

โพสต์เมื่อ02 September 2025

ขั้นตอนเปลี่ยนชื่อผู้ใช้ไฟฟ้า ต้องทำอย่างไรกันนะ ?

สำหรับใครที่กำลังจะไปทำเรื่อง “ขอเปลี่ยนชื่อผู้ใช้ไฟฟ้า” บทความนี้ก็คงจะเป็นประโยชน์กับคุณอย่างแน่นอน เพราะว่าเราได้รวบรวมขั้นตอนการยื่นเรื่องขอเปลี่ยนชื่อผู้ใช้ไฟฟ้า พร้อมกับลิสต์รายชื่อเอกสารที่คุณจะต้องจัดเตรียมมาฝาก

โพสต์เมื่อ21 August 2025

เจาะลึก! Ananda มีแบรนด์อะไรบ้าง

หากพูดถึงหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างอัตลักษณ์แบรนด์ได้ชัดเจนในตลาดเมืองไทย ‘Ananda’ คือชื่อที่หลายคนคุ้นเคย ไม่ใช่แค่ในฐานะผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้า แต่ยังเป็น Brand Developer ที่มีโครงการหลากหลายสไตล์ และโดเด่นในทุก ๆ โครงการ ตั้งแต่คอนโดมิเนียมระดับกลาง-บน ไปจนถึงบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนทุกยุคทุกสมัย ในบทความนี้ เราจะพาไปรู้จักกับแบรนด์ต่างๆ ภายใต้การพัฒนาและบริหารของ Ananda ว่าแต่ละแบรนด์มีอะไรเป็นจุดเด่นที่แข็งแกร่งในตลาดตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถ้าพร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ

โพสต์เมื่อ11 July 2025

มากกว่าเรื่องฮวงจุ้ย "ทิศบ้าน" สำคัญอย่างไร ?

เวลาที่เราพูดถึง “ทิศของบ้าน” หลาย ๆ คน อาจจะนึกถึงเรื่องฮวงจุ้ยเป็นอันดับแรก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นบ้านที่หันไปทางทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก ล้วนก็มีความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป แต่รู้ไหมว่า...ทิศของบ้านไม่ได้สำคัญแค่เรื่องของความเชื่อเท่านั้น เพราะยังส่งผลจริงกับการอยู่อาศัยในชีวิตประจำวัน ทั้งเรื่องแสงแดด ลมฟ้า ความร้อน หรือแม้แต่การประหยัดพลังงาน และในบทความนี้ทีมงาน Propertyhub จะพาคุณไปทำความรู้จักกับความสำคัญของทิศบ้าน แบบเข้าใจง่าย ๆ พร้อมคำแนะนำว่าทิศไหนเหมาะกับใคร ?

โพสต์เมื่อ13 May 2025

บทความแนะนำ

ขั้นตอนเปลี่ยนชื่อผู้ใช้ไฟฟ้า ต้องทำอย่างไรกันนะ ?

ขั้นตอนเปลี่ยนชื่อผู้ใช้ไฟฟ้า ต้องทำอย่างไรกันนะ ?

สำหรับใครที่กำลังจะไปทำเรื่อง “ขอเปลี่ยนชื่อผู้ใช้ไฟฟ้า” บทความนี้ก็คงจะเป็นประโยชน์กับคุณอย่างแน่นอน เพราะว่าเราได้รวบรวมขั้นตอนการยื่นเรื่องขอเปลี่ยนชื่อผู้ใช้ไฟฟ้า พร้อมกับลิสต์รายชื่อเอกสารที่คุณจะต้องจัดเตรียมมาฝาก

โพสต์เมื่อ21 August 2025
วิธีตรวจสอบ “ราคาประเมินคอนโดออนไลน์” แบบไม่ต้องไปถึงกรมที่ดิน

วิธีตรวจสอบ “ราคาประเมินคอนโดออนไลน์” แบบไม่ต้องไปถึงกรมที่ดิน

ปัจจุบันนี้คุณสามารถเช็คราคาประเมินคอนโดทางออนไลน์ได้แล้ว และที่สำคัญเลยก็คือใช้งานง่าย เช็คราคาประเมินได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาและค่าเดินทางไปยังกรมที่ดิน เพราะฉะนั้นทางทีมงาน Propertyhub จึงจะขอนำวิธีตรวจสอบ “ราคาประเมินคอนโดออนไลน์” มาฝาก

โพสต์เมื่อ16 January 2023
รวมขั้นตอนการรับโอนคอนโด พร้อมเอกสารการโอนที่ต้องจัดเตรียม

รวมขั้นตอนการรับโอนคอนโด พร้อมเอกสารการโอนที่ต้องจัดเตรียม

ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์อย่างคอนโดนั้น นอกเหนือจากราคาขายคอนโดแล้ว สิ่งที่ต้องทราบนอกเหนือจากนี้ก็คือเรื่องของ ขั้นตอนต่างๆ ที่ผู้ซื้อทุกรายจะต้องทำความเข้าใจ เพราะไม่ว่าจะเป็นการ ซื้อคอนโด มือหนึ่งจากผู้พัฒนาโครงการ หรือการซื้อคอนโดมือสองต่อจากผู้เป็นเจ้าของก็ตาม ขั้นตอนของการ โอนคอนโด คือเรื่องที่จะสร้างความปวดหัวไม่น้อยสำหรับใครที่ไม่เคยทำความเข้าใจมาก่อน

โพสต์เมื่อ18 August 2021

คอนโดให้เช่ายอดนิยม

propertyhub logo

เมนูหลัก

ติดต่อเรา

บริษัท ซิมเปิ้ล อินเทอร์เน็ต
จํากัด เลขที่ 242 ห้องเลขที่ A210 อาคาร A
ศูนย์การค้าเพลินนารี่มอลล์
ถนนวัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน
กรุงเทพมหานคร 10230
Line QrCode
Line ID : @propertyhub
โทร. 02-026-3049

support@propertyhub.in.th

Line QrCode
Line ID : @propertyhub
โทร. 02-026-3049

support@propertyhub.in.th

twitter icon
youtube icon
instagram icon
Copyright © 2019-2020 Zimple Internet Co., Ltd. , All rights reserved.
facebook icon
twitter icon
youtube icon
instagram icon