หากจะให้บ้านของคุณสวยงามและดูสมบูรณ์แบบ การทำสวนและปลูกหญ้าบริเวณรอบ ๆ บ้านก็คงจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญเลยทีเดียว แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยค่ะว่าการปลูกและการดูแลหญ้าให้เขียวขจีอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหญ้าแต่ละชนิดชอบแดด ชอบน้ำ ไม่เหมือนกัน ดังนั้นการเลือกประเภทของหญ้าให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านทุกคนควรจะต้องรู้ เพื่อที่ว่าจะได้ไม่ต้องปลูกหญ้าใหม่บ่อย ๆ ให้เปลืองแรงและเปลืองเงินโดยใช่เหตุ ซึ่งในวันนี้เราจึงได้รวบรวม 5 สายพันธุ์หญ้ายอดนิยมที่ใช้ทำสวนในบ้านมาฝาก ซึ่งจะมีหญ้าประเภทไหนบ้างนั้น เราไปติดตามพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
1. หญ้าญี่ปุ่น
หญ้าประเภทแรกที่ผู้คนนิยมปลูกในสวนเลยก็คือ “หญ้าญี่ปุ่น” หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Japanese Lawngrass (เหตุผลที่เรียกหญ้าญี่ปุ่นก็เพราะว่า มีอิทธิพลมาจากการจัดสวนสไตล์ญี่ปุ่น ที่มักจะเลือกใช้หญ้าประเภทนี้เป็นหลัก ผู้คนจึงติดปากเรียกว่าหญ้าญี่ปุ่นกันมาตลอดค่ะ) โดยหญ้าญี่ปุ่นมีใบเล็กละเอียด ปลายแข็ง เวลาสัมผัสจะรู้สึกระคายผิว ไม่ค่อยนุ่มเท้าเท่าไหร่ ทั้งนี้เหตุผลที่ทำให้หญ้าญี่ปุ่นได้รับความนิยมในการนำมาปลูกภายในสวนเลยก็คือ ทนต่อการเหยียบย่ำและดูแลง่ายค่ะ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลสวนมากสักเท่าไหร่นัก แต่ไม่ควรให้หญ้าญี่ปุ่นขาดน้ำนานจนเกินไปนะคะ เพราะจะทำให้ใบกลายเป็นสีเหลือง และยากที่จะฟื้นฟูให้กลับมาสีเขียวอีกครั้ง
อีกทั้งหญ้าญี่ปุ่นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดใบกว้างและชนิดใบกลม(มีใบเล็กและละเอียดกว่า) ดังนั้นก่อนการตัดสินใจเลือกหญ้าญี่ปุ่น อย่าลืมสอบถามกับคนขายก่อนนะคะว่าหญ้าญี่ปุ่นที่คุณเลือกนั้นเป็นชนิดไหน ตรงตามกับที่ต้องการหรือเปล่า
ข้อดีของหญ้าญี่ปุ่น
- ทนทานต่ออากาศได้ดี ไม่ว่าจะเป็นหนาวจัดหรือ(ร้อน)แดดจัด
- ทนการเหยียบย่ำได้ดี
- เติบโตช้า ไม่ต้องคอยตัดหญ้าบ่อย ๆ
- รากแข็งแรงถ้ารากติดดินแล้วตายยากมาก
- เมื่อหญ้าขึ้นคลุมดินแล้ววัชพืชไม่สามารถขึ้นแข่งได้
ข้อเสียของหญ้าญี่ปุ่น
- ก้านใบค่อนข้างที่จะแข็ง สัมผัสค่อนข้างที่จะกระด้างกว่าหญ้าประเภทอื่น ๆ
- เจริญเติบโตช้า
- หากขาดน้ำนาน ๆ หญ้าจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
- หากตัดหญ้าเอง เครื่องตัดหญ้าต้องมีกำลังสูง ใบมีดต้องคม เพราะหญ้าญี่ปุ่นที่โตเต็มที่จะมีก้านและใบค่อนข้างที่จะแข็งเลยทีเดียว
2. หญ้าไทเป
หญ้าไทเป หรืออีกชื่อหนึ่งว่าหญ้ามาเลเซียแคระ ก็เป็นหญ้าอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับความนิยมเช่นเดียวกันค่ะ เพราะไม่ต้องตัดบ่อย ๆ ตัวลำต้นกลวง มีปล้องชัดและสั้น ตัวใบจะโผล่พ้นดินมาเท่านั้นส่วนลากจะอยู่ใต้ดินทั้งหมด และสามารถปลูกได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง แต่ผู้คนส่วนใหญ่นิยมนำหญ้าไทเปไปปลูกไว้บริเวณลานหน้าบ้าน เนื่องจากมีสัมผัสเวลาเหยียบที่นุ่มเท้ากว่าหญ้าชนิดอื่น ๆ ซึ่งหญ้าชนิดนี้เหมาะแก่ผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลสวน เพราะไม่ต้องตัดบ่อย(บางครั้งปลูกไว้นานนับปีก็ยังไม่ต้องตัดแต่งเลยค่ะ) ดูแลง่าย ชอบน้ำปานกลาง สามารถปลูกได้กับดินเกือบจะทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นดินร่วน ดินเหนียวที่มีน้ำขัง แต่ไม่สามารถปลูกได้กับดินเค็มและดินเปรี้ยว
ข้อดีของหญ้าไทเป
- มีลักษณะใบสวยงาม เหมาะแก่การปลูกไว้ตกแต่งบริเวณหน้าบ้าน
- ความสูงของต้นมีความสม่ำเสมอ ทำให้ภาพรวมสวยงาม
- ไม่ต้องเสียเวลาตัดบ่อย ประหยัดแรง ประหยัดเงิน
- เมื่อหญ้าขึ้นคลุมดินแล้ววัชพืชไม่สามารถขึ้นแข่งได้
ข้อเสียของหญ้าไทเป
- เจริญเติบโตช้า
- ราคาค่อนข้างที่จะสูงกว่าหญ้าชนิดอื่น
- หาซื้อหญ้าชนิดนี้ได้ค่อนข้างที่จะยาก
- ลักษณะค่อนข้างที่จะเหมือนหญ้ามาเลเซียมาก ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ขาย(หัวหมอ)หลอกลวงเอาได้
3. หญ้ามาเลเซีย
หากจะกล่าวว่า “หญ้ามาเลเซีย” คือหญ้ายอดนิยมที่คนไทยเลือกปลูกภายในสวนหรือภายในบ้านมากที่สุดก็คงจะไม่ผิดค่ะ เพราะหญ้าชนิดนี้ดูแลง่าย เจริญเติบโตไว สัมผัสนุ่มเท้า เหมาะแก่การปลูกในสวนหย่อม สวนหลังบ้านหรือพื้นที่อื่น ๆ ที่มีแสงแดดร่ำไร (หญ้าชนิดนี้ไม่ชอบแดดจัดและไม่ค่อยทนต่อการเหยียบย่ำมากสักเท่าไหร่นะคะ เน้นความสวยงามเป็นหลัก) ลักษณะใบจะคล้าย ๆ หญ้าไทเปนะคะ แต่ใบจะใหญ่กว่า ลำต้นกลวง มีข้อปล้องชัด ใบเดี่ยวสีเขียวเข้ม กว้าง 1-2 ซม. แผ่นใบเรียบเรียวยาว ปลายแหลม ขอบใบหยักเป็นคลื่น ส่วนกลางปลูกให้หลีกเลี่ยงบริเวณดินที่มีน้ำขัง และหญ้าชนิดนี้อาจจะต้องมีเวลาดูแลเขาสักหน่อย เพราะค่อนข้างที่จะชอบน้ำค่ะ(แต่ต้องไม่รดน้ำจนท่วมนะคะ ไม่เช่นงั้นหญ้ามาเลเซียตายแน่นอน)
ข้อดีของหญ้ามาเลเซีย
- ลักษณะใบสวยงาม
- สัมผัสนุ่มเท้า เนื่องจากมีใบค่อนข้างที่จะใหญ่
- มีการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว
- วัชพืชชนิดอื่นขึ้นแซมได้ยากด้วยใบลักษณะที่ใหญ่และหนานุ่ม
- เหมาะที่จะปลูกในสวนผลไม้เพื่อคลุมหน้าดิน
ข้อเสียของหญ้ามาเลเซีย
- ไม่ทนทานต่อการเหยียบย่ำ
- ไม่ชอบแสงแดดจัด(แต่ถ้าต้องปลูกในแสงแดดจัด จำเป็นที่จะต้องรดน้ำให้เยอะหน่อยนะคะ)
- หากหญ้าเจริญเติบโตเต็มที่ คุณอาจจะต้องออกแรงในการตัดแต่งสักหน่อย เนื่องจากลักษณะใบที่ค่อนข้างจะใหญ่นั่นเอง
- ใต้ใบมีขนอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิว
- ต้องมีเวลาในการดูแล รดน้ำ เป็นประจำ
4. หญ้าเบอร์มิวด้า
หญ้าเบอร์มิวด้า หรือที่คนไทยมักจะเรียกว่าหญ้าแพรก ก็เป็นหญ้าที่ผู้คนนิยมปลูกเช่นเดียวกันค่ะ เพราะหญ้าชนิดนี้เติบโตได้ดีในดินเกือบจะทุกชนิด ทนต่อการเหยียบย่ำได้ดีและสามารถฟื้นคืนตัวได้ไวและมีความแข็งแรงมาก จนทำให้หญ้าชนิดนี้มักจะถูกนำไปปลูกในสนามกอล์ฟ สนามบอล สนามเด็กเล่น ฯลฯ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าหญ้าชนิดนี้มีความทนทานสูงค่ะ ส่วนลักษณะลำต้นค่อนข้างแบนเล็ก เนื้อใบค่อนข้างหยาบ ใบเรียวยาวและเจริญเติบโตเร็ว จึงต้องคอยตัดแต่งอยู่เสมอ ๆ ซึ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้ หญ้าชนิดนี้อาจจะกลายเป็นวัชพืชในแปลงต้นไม้โดยรอบได้ค่ะ ฉะนั้นหญ้าเบอร์มิวด้าจึงเหมาะกับผู้ที่มีเวลาดูแลสวนในบ้านเป็นประจำ
ข้อดีของหญ้าเบอร์มิวด้า
- เจริญเติบโตได้ไวและแพร่พันธุ์เร็วมาก
- ทนแดด ทนฝน ทนการเหยียบย่ำได้
ข้อเสียของหญ้าเบอร์มิวด้า
- ต้องตัดบ่อย ๆ เพราะหญ้าเจริญเติบโตเร็ว และอาจจะกลายเป็นวัชพืชไปรบกวนต้นไม้อื่น ๆ เอาได้
- ต้องการความชื้นในปริมาณค่อนข้างมาก และต้องดูแลใส่ใจเป็นพิเศษหากต้องการเลี้ยงให้สวยงาม
5. หญ้านวลน้อย
หากจะไม่พูดถึงหญ้าชนิดนี้ก็คงจะไม่ได้ค่ะ เพราะ “หญ้านวลน้อย” เป็นหญ้าที่เรามักจะพบเห็นกันอยู่ทั่วไป หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นหญ้ายอดนิยมที่หลาย ๆ คน เลือกปลูกนั่นเอง โดยหญ้านวลน้อยเติบโตได้ดีได้ในดินเกือบทุกชนิดเลยล่ะค่ะ ไม่ว่าจะดินเหนียว ดินทราย และยังทนต่อสภาพอากาศร้อน(แสงแดดจัด) ทนต่อการเหยียบย่ำอีกด้วย แต่ทั้งนี้อย่าพึ่งสับสนระหว่างหญ้าญี่ปุ่นกับหญ้านวลน้อยนะคะ แม้ว่าจะมีลักษณะที่คล้ายกัน แต่หากดูดี ๆ แล้ว หญ้านวลน้อยจะมีใบที่กว้างกว่า สัมผัสนุ่มกว่า ยืดหยุ่นดีกว่าและไม่ระคายผิวหนัง ซึ่งถ้าใครที่ต้องการหญ้าไปปลูกในสวนกลางแจ้ง หญ้านวลน้อยก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาดเลยทีเดียว และในส่วนของการดูแลก็ง่ายมาก ๆ ค่ะ เพราะเพียงแค่รดน้ำอย่างสม่ำเสมอก็เพียงพอแล้ว
ข้อดีของหญ้านวลน้อย
- เจริญเติบโตไว ลำต้นยังแตกกอคลุมหน้าดินได้รวดเร็ว
- ลำต้นไม่สูง สามารถตัดแต่งได้ง่าย
- ทนแดด ทนฝน และทนต่อการเหยียบย่ำ
- ดูแลง่ายไม่ยุ่งยาก
- ลักษณะใบสวยงาม สัมผัสนุ่ม
ข้อเสียของหญ้านวลน้อย
- ต้องตัดบ่อย ๆ เพราะหญ้าเจริญเติบโตเร็ว
นอกเหนือจากการเลือกหญ้าจากลักษณะใบที่ชอบแล้ว คุณอย่าลืมเลือกประเภทของหญ้าที่เหมาะสมกับการดูแลของคุณ เพราะหญ้าบางประเภทที่เราได้กล่าวไปข้างต้นก็แทบจะไม่ต้องดูแลอะไรมากมาย แต่บางประเภทก็ต้องการการดูแลอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งอย่าลืมดูแลความเรียบร้อยและตัดหญ้าเป็นประจำ เพื่อป้องกันสัตว์เลื้อยคลานตัวร้ายเข้ามาแอบซ่อนตัวและเพื่อความสวยงามของสวนภายในบ้าน และไว้โอกาสหน้าเราจะนำข้อมูลอะไรดี ๆ มาฝากอีก คุณก็สามารถติดตามได้ที่ Propertyhub Blog : บทความที่รวบรวมทุกเรื่องราวเกี่ยวกับอสังหาฯ