การเลือกซื้อเครื่องซักผ้าในปัจจุบันนี้ได้กลายเป็นปัญหาโลกแตกของใครหลายๆ คน เลยก็ว่าได้ เพราะทางผู้ผลิตแต่ละแบรนด์ก็งัดเอานวัตกรรมต่างๆ และฟังก์ชันการใช้งานที่แปลกใหม่ ใส่ลงไปในตัวเครื่องซักผ้ากันอย่างไม่มีกั๊ก! จนทำให้ผู้บริโภคอย่างเราๆ ถึงกับกุมขมับว่าท้ายที่สุดแล้ว เราจะเลือกซื้อเครื่องซักผ้าอย่างไรดีให้ตอบโจทย์การใช้งานได้มากที่สุด ?
ซึ่งถ้าคุณก็เป็นอีกคนหนึ่งที่กำลังมีแพลนจะซื้อเครื่องซักผ้า เราก็ขอให้คุณได้ลองอ่านรายละเอียดในบทความนี้ดูก่อนตัดสินใจ เพราะว่าทีมงาน Propertyhub ได้นำคำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกซื้อเครื่องซักผ้ามาฝาก โดยสิ่งแรกที่คุณจะต้องนำไปประกอบการพิจารณาเลยก็คือ ...
1. ความจุของตัวเครื่องซักผ้า
ก่อนที่คุณจะเลือกซื้อเครื่องซักผ้า อันดับแรกเราอยากให้คุณตั้งเป้าหมายไว้เลยว่าคุณต้องการเครื่องซักผ้าที่มีความจุกี่กิโล ? เพื่อที่จะได้ตีกรอบในการเลือกซื้อเครื่องซักผ้าได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยความจุของตัวถังเครื่องซักผ้าจะมีผลต่อปริมาณของเสื้อผ้าที่ต้องซักในแต่ละครั้ง ถ้าบ้านไหนคนอยู่เยอะคุณก็อาจจะเลือกเครื่องซักผ้าที่มีความจุมากสักหน่อย แต่ถ้าอยู่ 1 – 2 คน ก็ลดความจุของเครื่องสักผ้าลงมาตามลำดับ
ความจุของเครื่องซักผ้า / กิโล | ปริมาณเสื้อผ้าในการซักต่อครั้ง |
---|
5 - 7 กิโล | 25 - 30 ชิ้น |
7-9 กิโล | 36 - 45 ชิ้น |
9 - 11 กิโล | 46 - 56 ชิ้น |
11 กิโล ขึ้นไป | 56 ชิ้น ขึ้นไป |
2. ประเภทของเครื่องซักผ้า
ลำดับต่อมาก็ให้คุณพิจารณาเลือกประเภทของเครื่องซักผ้าที่เหมาะสมกับการใช้งาน โดยในปัจจุบันนี้เครื่องซักผ้ามีทั้งหมด 4 รูปแบบ ซึ่งมีจุดเด่นและการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปตามรายละเอียดดังนี้
ประเภทของเครื่องซักผ้า | รายละเอียดและจุดเด่น |
---|
เครื่องซักผ้าฝาหน้า (Front Load) | เหมาะกับผู้ที่ชอบซักผ้าในปริมาณเยอะๆ หรืออยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ คุณสมบัติเด่นคือทำความสะอาดผ้าได้อย่างล้ำลึก ใช้น้ำในการซักน้อยกว่าเครื่องซักผ้ารูปแบบอื่นๆ ถนอมเนื้อผ้าได้ดีกว่า มีราคาที่ค่อนข้างจะสูง
|
เครื่องซักผ้าฝาบน 1 ถัง (Top Load 1 Tub) | |
เครื่องซักผ้าฝาบน 2 ถัง (Top Load 2 Tubs) | เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาในการซักผ้า เพราะต้องคอยย้ายเสื้อผ้าจากถังซักไปถังปั่นแห้ง จากถังปั่นแห้งไปถังซัก (ค่อนข้างที่จะเสียเวลาพอสมควร) ต้องคอยเปิด - ปิดวาล์วน้ำ ซักผ้าได้สะอาดในระดับหนึ่ง ต้องใช้พื้นที่ในการวางตัวเครื่อง เพราะตัวเครื่องมักจะมีขนาดที่ใหญ่ ราคาถูกที่สุดในบรรดารูปแบบเครื่องซักผ้า
|
เครื่องซักผ้า พร้อมเครื่องอบผ้าภายในตัว (Washers & Dryers) | เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ไม่ค่อยมีเวลา เพราะตัวเครื่องสามารถอบผ้าให้แห้งพร้อมใส่ได้เลย เหมาะกับผู้ที่อยู่คอนโดหรือไม่ค่อยมีพื้นที่ในการตากผ้า ซักผ้าได้ค่อนข้างที่จะสะอาดเพราะเป็นระบบเดียวกับฝาหน้า ราคาสูงที่สุดในบรรดารูปแบบเครื่องซักผ้า หากตัวเครื่องมีปัญหาก็จะมีราคาค่าซ่อมที่สูงมากเช่นกัน
|
3. รอบปั่นหมาดของเครื่องซักผ้า
รอบปั่นหมาด คือ จำนวนรอบการหมุนต่อนาทีในการปั่นผ้าให้แห้ง เพราะฉะนั้นยิ่งรอบปั่นหมาดมากเท่าไหร่ ผ้าของคุณก็จะแห้งเร็วมากเท่านั้น แต่ทั้งนี้ควรเลือกซื้อเครื่องซักผ้าที่สามารถเลือกระดับการปั่นได้ตามประเภทของเนื้อผ้า เพื่อป้องกันการฉีดขาดจากแรงปั่นที่มากจนเกินไป และโดยทั่วไปแล้วรอบปั่นหมาดตามมาตรฐานจะอยู่ที่ 400 – 700 รอบ/นาที
4. วัสดุของตัวเครื่องซักผ้า
ลำดับถัดมาให้คุณสอบถามกับพนักงานขายหรืออ่านรายละเอียดว่าตัวเครื่องซักผ้าผลิตมาจากวัสดุประเภทใด เนื่องจากวัสดุแต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
วัสดุของเครื่องซักผ้า | คุณสมบัติ |
---|
พลาสติก/โพลีเมอร์ | มีน้ำหนักเบาและมีสีสันที่หลากหลาย แต่ไม่ค่อยทนทานเท่าที่ควร |
เหล็กเคลือบกันสนิม | น้ำหนักเยอะ เคลื่อนย้ายลำบาก แต่ทนทาน ไม่ค่อยเป็นสนิม |
เรซิน/ไฟเบอร์ | น้ำหนักปานกลาง ทนต่อความชื้นได้ในระดับที่ดีมาก ไม่ค่อยผุกร่อน และไม่เป็นสนิม |
สเตนเลส | มีน้ำหนักค่อนข้างมาก ไม่เก็บความชื้น ไม่ทำให้เกิดเชื้อราสะสมและไม่เป็นสนิท |
โพลีน็อกซ์ | ได้รับความนิยมมากที่สุด เก็บเสียงในขณะที่ปั่นได้เป็นอย่างดี และลดการสั่นสะเทือนของตัวเครื่อง |
5. เลือกซื้อเครื่องซักผ้าที่มีโปรแกรมการทำงานที่หลากหลาย
ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อเครื่องซักผ้าอีกหนึ่งข้อเลยก็คือ การเลือกซื้อเครื่องซักผ้าที่มีโปรแกรมหรือฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย เพื่อที่จะได้รองรับการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น อาทิเช่น ซักผ้าฝ้าย ซักฝ้ายยีนส์ ซักชุดชั้นใน ซักผ้านวม เนื่องจากผ้าแต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไปทั้งในเรื่องของอุณภูมิน้ำที่ซัก แรงปั่นหมาด การแช่ผ้า เป็นต้น อีกทั้งอาจจะมีโปรแกรมซักด่วน ซักคราบฝั่งลึก ซักผ้าในวันเมฆมาก(เพิ่มแรงปั่นหมาด) สั่งซักผ้าผ่านแอพพลิเคชั่น ฯลฯ โดยรายละเอียดในส่วนนี้คุณสามารถเลือกได้ตามต้องการและ Lifestyle การใช้งานได้เลย
6. รายละเอียดเรื่องความปลอดภัย/การรับประกันสินค้าคือสิ่งที่คุณห้ามลืม
ข้อสุดท้ายสำหรับการเลือกซื้อเครื่องซักผ้าเลยก็คือ ให้คุณตรวจสอบดูว่าเครื่องซักผ้าที่คุณสนใจมีมาตรฐานป้องกันการเกิดอุบัติเหตุไหม ? ถ้าเป็นฝาหน้ามีการล็อกแบบอัตโนมัติหรือเปล่า ? มีเครื่องหมาย มอก.รับรองหรือไม่ ? เพื่อที่คุณจะได้มั่นใจว่าเครื่องซักผ้าที่ซื้อมานั้นได้ผ่านการผลิตตามมาตรฐานสากล อีกทั้งอย่าลืมสอบถามกับพนักงงานขายด้วยว่าระยะเวลาประกันสินค้านานเท่าไหร่ ? เงื่อนไขและขั้นตอนการส่งซ่อมหรือเคลมต้องดำเนินการอย่างไร ? ใช้เวลาประมาณกี่วัน ?
รายละเอียดทั้งหมดที่เราได้กล่าวไปนั้น ถือได้ว่าเป็นคู่มือการเลือกซื้อเครื่องซักผ้าให้ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด อีกทั้งคุณสามารถดูรีวิวเครื่องซักผ้ารุ่นที่คุณสนใจได้ตามสื่อออนไลน์ต่างๆ เพื่อที่จะได้ดู Feedback ของผู้ที่ได้ใช้งานจริงว่าเป็นอย่างไร ? และเหมาะสมกับการใช้งานของคุณมากน้อยขนาดไหน ? เพื่อที่คุณจะได้มาประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อเครื่องซักผ้ารุ่นนั้นๆ นั่นเอง
และไว้โอกาสหน้าทีมงาน Propertyhub จะนำข้อมูลดีๆ อะไรมาฝากคุณอีก คุณก็สามารถติดตามพวกเราได้ที่ Propertyhub Blog : บทความที่รวมทุก Lifestyle ของชาวคอนโด