ก่อนที่จะเซ็นสัญญาเช่าบ้านหรือคอนโด คุณจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบรายละเอียดภายในสัญญาเช่าให้ชัดเจนเสียก่อน เพื่อป้องกันปัญหากับผู้ปล่อยเช่าที่อาจจะตามมาในภายหลัง อีกทั้งการตรวจเช็คสัญญาเช่ายังจะช่วยทำให้ทั้งตัวคุณเองและผู้ปล่อยเช่ามีความเข้าใจที่ตรงกัน ซึ่งถ้าหากมีรายละเอียดในส่วนไหนที่น่าสงสัยหรือไม่เข้าใจ ก็ให้คุณสอบถามกับทางผู้ปล่อยเช่าในทันที และถ้าหากมีการแก้ไขสัญญาก็ควรที่จะต้องแก้ไขพร้อม ๆ กันทั้ง 2 ฉบับ (ของทั้งผู้ปล่อยเช่าและผู้เช่า) ส่วนรายละเอียดที่คุณจำเป็นจะต้องตรวจเช็คก่อนเซ็นสัญญาเช่าบ้านหรือคอนโด ก็ประกอบไปด้วย...
1. ข้อมูลส่วนบุคคล
รายละเอียดแรกในสัญญาเช่าบ้านหรือคอนโดที่คุณควรจะต้องตรวจเช็คความถูกต้องเลยก็คือ “ข้อมูลส่วนบุคคล” ของทั้งผู้ปล่อยเช่าและผู้เช่า โดยรายละเอียดในสัญญาเช่ามักจะประกอบไปด้วย ชื่อ, นามสกุล, อายุ, ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชน, เบอร์โทรศัพท์, ที่อยู่ของบ้านหรือคอนโดที่ปล่อยเช่า ฯลฯ ทั้งนี้สัญญาจะต้องระบุไว้ด้วยว่าฝ่ายใดเป็นผู้เช่าและฝ่ายใดเป็นผู้ปล่อยเช่า
2. ระยะเวลาในการเช่า
รายละเอียดในส่วนถัดมาก็คือ “ระยะเวลาในการเช่า” ซึ่งภายในสัญญาจะต้องระบุวันเริ่มต้นในการเช่าไปจนถึงวันสุดท้ายของการเช่าให้ชัดเจน อีกทั้งในสัญญาเช่าควรจะต้องระบุการต่อสัญญาเช่าว่า...จะต่อหรือจะยกเลิกการเช่าก่อนสัญญาเดิมหมดภายในระยะเวลากี่วัน
3. การยกเลิกสัญญาเช่า
การยกเลิกสัญญาเช่าก็เป็นอีกหนึ่งรายละเอียดที่ควรจะต้องมีระบุไว้ในสัญญาเช่า โดยทั่วไปแล้วการยกเลิกสัญญาเช่าบ้านหรือคอนโดนั้น จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาเช่าเป็นหลัก เช่น
ผู้เช่าต้องแจ้งบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนวันที่จะยกเลิกสัญญา โดยระยะเวลาการบอกกล่าวมักจะระบุเป็นจำนวนวันหรือเดือน เช่น 30 วัน 60 วัน หรือ 90 วัน
ผู้เช่าอาจต้องจ่ายค่าปรับในการยกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนด ซึ่งสัญญาเช่าบางฉบับอาจระบุจำนวนค่าปรับเป็นเงินจำนวนตายตัวหรือคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของค่าเช่า
ผู้ให้เช่าอาจจะยึดเงินมัดจำทั้งหมดหรือบางส่วน หากผู้เช่าทำผิดกฎที่ระบุไว้ในสัญญาเช่า
ผู้เช่าสามารถบอกเลิกสัญญาเช่าก่อนครบกำหนดได้ โดยไม่ต้องเสียค่าปรับหรือถูกยึดมัดจำ หากผู้ให้เช่าทำผิดกฎที่ระบุไว้ในสัญญาเช่า
ทั้งนี้รายละเอียดเกี่ยวกับการยกเลิกสัญญาเช่าไม่มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัว ส่งผลให้ผู้ที่ต้องการเช่าบ้านหรือคอนโดจึงจำเป็นที่จะต้องอ่านข้อมูลให้ชัดเจนและเข้าใจก่อนเซ็นสัญญาเช่า
4. รายละเอียดของเฟอร์นิเจอร์
อีกหนึ่งรายละเอียดสำคัญที่คุณจะต้องตรวจเช็คให้ดีเลยก็คือ “รายละเอียดของเฟอร์นิเจอร์” ซึ่งภายในสัญญาเช่าจะต้องระบุให้ชัดเจนว่าในบ้านหรือคอนโดมีเฟอร์นิเจอร์อะไรบ้าง ? และสภาพเฟอร์นิเจอร์เป็นอย่างไร มีส่วนไหนเสียหายหรือชำรุดอยู่ก่อนหน้าแล้ว (ทางที่ดีควรมีรูปภาพแนบไว้ในสัญญาเช่า) ซึ่งรายละเอียดในส่วนนี้จะเป็นหลักฐานให้ผู้เช่าไม่ต้องเสียค่าปรับในตอนที่ย้ายออกหากผู้ให้เช่ามาเรียกเก็บในภายหลังถ้าหากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้น ๆ เสียหายอยู่แล้ว อีกทั้งควรมีการระบุด้วยว่าหากผู้เช่าเป็นผู้ทำให้เฟอร์นิเจอร์เสียหายจะต้องชดใช้หรือจ่ายค่าปรับเท่าไหร่
5. กฎและข้อปฏิบัติในการเช่า
ข้อมูลในส่วนนี้ถือได้ว่าเป็นรายละเอียดสำคัญในสัญญาเช่าบ้านหรือคอนโดเลยก็ว่าได้ เพราะทั้งผู้ให้เช่าและผู้เช่าจะได้มีความเข้าใจที่ตรงกัน ว่าสามารถทำอะไรภายในบ้านหรือคอนโดได้บ้าง เช่น ไม่อนุญาตให้ทาสีตัวบ้านใหม่, ไม่อนุญาตให้มีผู้พักอาศัยอยู่ภายในคอนโดเกิน 2 คน เป็นต้น รวมไปถึงผู้ให้เช่าควรแจ้งกฎระเบียบของหมู่บ้านหรือโครงการคอนโดให้ผู้เช่ารับทราบด้วย อีกทั้งในสัญญาเช่าส่วนใหญ่ ผู้ให้เช่าจะระบุไว้เลยว่า...หากผู้เช่าทำความเสียหายภายในพื้นที่ส่วนกลาง ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นผู้เช่าจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
6. ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
สำหรับรายละเอียดในส่วนนี้ เราจะขอแบ่งออกมาเป็นข้อ ๆ เพื่อที่คุณจะได้มองเห็นภาพที่ชัดเจนและสามารถตรวจเช็ครายละเอียดในสัญญาเช่าได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยค่าใช้จ่ายที่ควรจะต้องมีระบุไว้ในสัญญาเช่าบ้านหรือคอนโดประกอบไปด้วย
ค่าเช่า – ในสัญญาเช่าจะต้องระบุค่าเช่าเป็นลายลักษณ์อักษรว่าคิดค่าเช่าเท่าไหร่ต่อเดือน พร้อมกับกำหนดเวลาในการจ่ายค่าเช่าให้ชัดเจน รวมไปถึงช่องทางการชำระค่าเช่า
ค่าปรับ – ควรระบุค่าปรับให้ชัดเจนในทุก ๆ กรณี เช่น หากจ่ายค่าเช่าล่าช้าเกิน 5 วัน จะมีค่าปรับวันละ 500 บาท เป็นต้น
ค่ามัดจำล่วงหน้า – ในสัญญาเช่าจะต้องระบุไว้อย่างชัดเจนว่าผู้ให้เช่า ได้เก็บเงินมัดจำล่วงหน้าจากผู้เช่าเป็นเงินกี่บาท และจะคืนเงินจำนวนนี้เมื่อไหร่
ค่าน้ำ ค่าไฟ – ในสัญญาเช่าจะต้องระบุไว้อย่างชัดเจนว่าใครเป็นผู้จ่ายค่าน้ำค่าไฟ รวมไปถึงค่าอินเตอร์เน็ต
ค่าส่วนกลาง – รายละเอียดในส่วนนี้ผู้ให้เช่าบางรายจะรวมไปกับค่าเช่าเรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ผู้เช่าไม่ต้องรับผิดชอบกับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ แต่ในกรณีที่ผู้ให้เช่าไม่ได้รวมกับค่าเช่า ก็จำเป็นที่จะต้องระบุไว้อย่างชัดเจนว่าผู้เช่าจะต้องจ่ายค่าส่วนกลางให้กับทางนิติบุคคลเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่และต้องจ่ายเมื่อไหร่
เรียกได้ว่าทุก ๆ รายละเอียดที่เราได้กล่าวไปเมื่อข้างต้น ล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลสำคัญที่คุณจะต้องตรวจเช็คให้ดี ให้เข้าใจ ก่อนที่จะเซ็นสัญญาเช่าบ้านหรือคอนโด ทั้งนี้ก็เพื่อลดโอกาสการเกิดปัญหากับผู้ปล่อยเช่าที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และสำหรับใครที่กำลังมองหาบ้านหรือคอนโดเพื่อเช่าอยู่อาศัย คุณก็สามารถเข้ามาค้นหาได้ที่ Propertyhub : เว็บรวมประกาศ คอนโด บ้าน ที่ดิน ที่ครบและใช้งานง่ายที่สุด