ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงนี้ ราคาตกขึ้นสูงอย่างมาก ใครที่มีแพลนจะซื้อคอนโด อาจต้องวางแผนให้รอบคอบ หากคุณพอมีเงินเก็บหรือวางแผนการเงินมาเรียบร้อย การลงทุนกับคอนโดอาจตอบโจทย์ เพราะเศรษฐกิจทั่วโลกจะค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมา และอาจทำให้ราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นได้ ดังนั้นลองมาเตรียมความพร้อมก่อนตัดสินใจซื้อคอนโดกัน
1. ตรวจสอบสถานะทางการเงิน
เพราะการลงทุนกับคอนโดถือเป็นหนี้ระยะยาว หากคุณไม่มีสภาพคล่องในการผ่อนชำระ อาจทำให้กู้ไม่ผ่าน หรือเจอความยากลำบากในอนาคตเริ่มแรกคุณต้องมีอาชีพที่มั่นคง หรือมีรายได้ที่แน่นอนและต้องมั่นใจว่าจะมีรายได้จนผ่อนคอนโดครบหมดไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจหรือพนักงานประจำ หากไม่มีรายได้เข้ามา ก็ผ่อนไม่ครบแน่นอน อีกทั้งเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยาก บางครั้งอาจส่งผลกระทบหรือไม่ส่งผลกับงานของคุณ ดังนั้นคุณควรรู้ขีดจำกัดการกู้ของธนาคาร คิดจาก รายได้ต่อเดือน X 40%
2. หารายละเอียดของคอนโดที่ใช่
เช็กลิสต์จากคอนโดที่คุณชอบ ว่าช่วงนี้เขามีโปรโมชั่นอะไรบ้าง เพราะแต่ละคอนโดจะมีความแตกต่างกัน บางที่ให้ดาวน์ 0% เฟอร์นิเจอร์ครบพร้อมอยู่ หรือให้อยู่ฟรีก่อน 2 ปีและหากคุณถูกใจจนเกิดการกู้ซื้อคอนโด สิ่งที่คุณต้องเสีย มี 2 อย่าง
เงินจอง คือการจ่ายเงินเพื่อจองห้องนี้ และคุณจะจ่ายเต็มจำนวนในครั้งหน้า
เงินทำสัญญา สำหรับโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จ แต่คุณทำสัญญาผ่อนจ่ายเงินเป็นงวดๆ ผ่านการกู้กับธนาคาร โดยสิ่งที่ธนาคารจะประเมิน คือสภาพคล่องของทางการเงินของคุณ หรือประมาณ 40% ของเงินเดือน
3. วงเงินกู้
ในการกู้เงินกับธนาคารเพื่อซื้อคอนโด ธนาคารจะหักรายได้สุทธิ ที่ถูกหักลบจากค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตออกหมด เพื่อแสดงถึงตัวเลขที่คุณจะผ่อนชำระกับทางธนาคารได้จริงๆ โดยจะยึดอัตรา 40% ของรายได้ โดยมาคำนวณกับอัตราส่วนจำนวนผ่อนต่อวงเงินสูงสุด 1,000,000 / 7,000 หลักการคิดใช้ระยะเวลาการผ่อน 30 ปี
4. เครดิตดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
ไม่ต้องกังวลว่าจะทำเรื่องกู้ธนาคารไม่ผ่าน เพราะหากคุณมีเครดิตดี ไม่เคยติดเครดิตบูโร หรือแบล็คลิสต์ มีการเสียภาษีถูกต้องทุกปี และเงินในบัญชีมีความคล่องตัว ก็กู้ผ่านแน่นอน
5. เช็กอัตราดอกเบี้ย
สำหรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้
อัตราดอกเบี้ย (Fixed Rate) เป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะสั้น 1-5 ปี ต่อจากนั้นจะเป็นดอกเบี้ยลอยตัว หรืออัตราดอกเบี้ยตลอดระยะเวลาการกู้ โดยแต่ละธนาคารมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกัน
อัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate) เป็นอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงไปตามต้นทุนของสถาบันการเงิน ซึ่งจะมีความผันผวนสูง และทำให้คุณไม่สามารถคาดคะแนได้ว่าต้องจ่ายดอกเบี้ยเท่าไหร่ ส่งผลให้คุณต้องหาเงินก้อนมาโปะ หรือ Re- Finance เพื่อขอสินเชื่อใหม่ที่ดีกว่า
สำหรับใครที่เตรียมความพร้อมจะซื้อคอนโด ควรศึกษารายละเอียดของแต่ละโครงการ เปรียบเทียบราคา พร้อมหาข้อมูลการกู้ซื้อกับทางธนาคาร ว่ามีที่ไหนให้วงเงินสูงดอกเบี้ยต่ำ วางแผนให้ดี ไม่เช่นนั้นเป็นหนี้ก้อนโตแน่นอน
ติดตามข่าวสาร และบทความดีๆ เพิ่มเติมได้ที่
ติดต่อทีมงาน Propertyhubได้ที่