สำหรับผู้ที่เข้ามาอ่านบทความนี้น่าจะเป็นผู้ที่กำลังมีคำถามในหัวตามหัวข้อของบทความนี้ นั่นก็คือ ตอนนี้ผ่อนรถยนต์อยู่ เราจะสามารถกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดได้ไหม ? เพราะบางคนก็บอกว่ากู้ซื้อได้ แต่บางคนกลับบอกว่ากู้ซื้อไม่ได้และโอกาสที่ทางธนาคารหรือสถาบันการเงินจะอนุมัตินั้นยากมาก เนื่องจากทางธนาคารหรือสถาบันการเงินมองว่า คุณมีภาระหนี้สินก้อนใหญ่อยู่แล้ว และอาจจะไม่มีกำลังในการส่งค่างวดบ้าน/คอนโดได้ทันตามเวลาที่กำหนด
เพราะฉะนั้นในบทความนี้เราจะขออาสาพาคุณไปเจาะลึกเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวกัน ว่าแท้ที่จริงแล้วการที่เรากำลังผ่อนรถยนต์อยู่นั้น เราจะสามารถทำเรื่องขอกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดได้หรือไม่ ? และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปพบกับข้อมูลที่ทางทีมงานได้นำมาฝากพร้อมๆ กันเลย
ภาระหนี้สินไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน
ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่าการกู้เงินเพื่อซื้อสิ่งของใดสักอย่างหนึ่งนั้น ทุก ๆ สถานบันการเงินจะมีวิธีประเมินที่เหมือนกันคือ ดูจากอายุ รายได้ อาชีพ ประวัติการชำระหนี้ และส่วนที่สำคัญมากคือ หนี้สินปัจจุบัน โดยข้อมูลทั้งหมดนี้จะบอกได้ว่าคุณกู้ได้เท่าไร ผ่านหรือไม่ผ่านนั่นเอง และภาระหนี้สินของคุณก็ไม่ควรเกิน 40% ของรายได้/เดือน
ทำไมไม่ควรเกิน 40% ของรายได้? ปกติตามเกณฑ์ของทางธนาคารแล้ว รายได้ของเราจะถูกมองเป็น 2 ส่วน ดังนี้
ส่วนแรก 60% ของรายได้สำหรับการใช้จ่ายจำเป็นเช่นการกิน การอยู่ ในแต่ละเดือน
ส่วนที่สอง 40% ของรายได้ ส่วนที่เหลือจากค่าใช้จ่ายจำเป็น ซึ่งเป็นส่วนที่สามารถนำมาออม หรือซื้อของอื่นๆ ได้ ในแต่ละเดือน (*บางธนาคาร และบางสถานการณ์อาจปรับมากกว่า หรือน้อยกว่า 40% ได้)
ซึ่งหากเราจะกู้เงิน ธนาคารจะไม่ได้เอารายได้ทั้ง 100% ของเรามาคำนวณว่ากู้ได้เท่าไร แต่นำ 40%
ของรายได้มาคำนวณนั่นเอง ซึ่งตรงนี้จะเรียกว่า “ความสามารถในการชำระหนี้” ของแต่ละคน และหากคุณมีหนี้สินปัจจุบันอยู่บ้างแล้ว ไม่ว่าจะค่าผ่อนรถ ผ่อนโทรศัพท์ ผ่อนทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ต้องจ่ายเป็นประจำทุกๆ เดือน ยอดหนี้สินรวมต่อเดือนตรงนี้ จะถูกนำมาลบออกจากรายได้ 40% ของคุณด้วยก่อนนำไปคำนวณวงเงินที่คุณสามารถกู้ได้
ยกตัวอย่าง
คุณมีรายได้ที่ 40,000 บาท/เดือน
ค่างวดรถ 6,000 บาท/เดือน
ค่ายอดบัตรเครดิต 2,000 บาท/เดือน
ภาระหนี้สินปัจจุบัน = 8,000 บาท/เดือน
การคำนวณในกรณีที่ไม่มีหนี้สินปัจจุบันเลย ความสามารถในการชำระหนี้ = 16,000 บาท (40% ของรายได้) ซึ่งคุณจะกู้เงินได้สูงสุด = 3,795,030 บาท จากการผ่อน 16,000 บาท/ เดือน
ทดลองคำนวณวงเงินกู้ของคุณ
แต่เนื่องจากคุณมีหนี้ปัจจุบันอยู่ ความสามารถในการชำระหนี้ต่อเดือนของคุณจึงต้องลบด้วย 8,000 บาท ก่อนนำไปคำนวณวงเงินกู้ และทำให้วงเงินในการกู้ของคุณต้องลดลงไป และสามารถกู้ได้สูงสุด = 1,897,515.05บาท จากการผ่อน 8,000 บาท/ เดือน
ทดลองคำนวณวงเงินกู้ของคุณ
*เป็นเพียงตัวอย่างการคำนวณเบื้องต้นเท่านั้นไม่สามารถใช้ยื่นกับธนาคารได้
และการคำนวณนั้นอาจต่างออกไปตามตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร
ทีนี้คำตอบของคำถามที่ว่า ถ้าผ่อนรถยนต์อยู่สามารถกู้ซื้อบ้าน หรือคอนโด ได้ไหม? นั่นก็คือได้แต่ขึ้นอยู่กับผู้กู้ครับ ถ้าภาระหนี้สินคุณยังไม่ถึง 40% ก็คือกู้ได้อยู่ครับ แต่ว่าจะกู้ได้เท่าไรและพอสำหรับการซื้อคอนโดที่อยากซื้อไหม ซึ่งถ้าคุณกู้ได้ไม่พอดีกับราคาคอนโดแต่ต้องการซื้อจริงๆ คุณสามารถต่อรองหรือถามหาวงเงินกู้สูงสุดที่ธนาคารพอจะให้เราได้ และอาจจะต้องเก็บเงินก้อนเพื่อทำการ Down payment ยอดเต็มลงมาให้พอกับเงินที่คุณกู้ไหว เช่น หากคุณกู้ได้ 1.8 ล้านบาท แต่ต้องการซื้อคอนโดราคา 2.5 ล้านบาท คุณอาจจะต้องใช้เงินเก็บ 7 แสนบาท (2.5 ล้าน – 1.8 ล้าน) เพื่อมาจ่ายดาวน์คอนโดให้พอดีกับยอดที่คุณสามารถกู้ได้ หรือจะอดทนผ่อนรถยนต์ให้หมดก่อนแล้วจึงกู้คอนโดโดยที่ไม่ต้องใช้เงินก้อนครับ
ทั้งนี้รายละเอียดสำหรับการพิจารณาการอนุมัติของแต่ละธนาคารแตกต่างกันออกไป และการคำนวณทั้งหมดในบทความนี้เป็นการประมาณการเบื้องต้นเท่านั้น และเพราะคำตอบของแต่ละบุคคลก็แตกต่างกัน ผมก็หวังว่าการอธิบายดังกล่าวจะช่วยตอบคำถามของคุณได้ และหากคุณยังมองหาคอนโดเพื่อซื้ออย่อาศัย ไม่ว่ามือหนึ่ง หรือว่ามือสอง ผมขอฝากเว็บไซต์ Propertyhub ไว้เป็นช่องทางนึงในการค้นหานะครับ รับรองว่าที่เว็บของเรามีคอนโดให้คุณเลือกมากกว่าเว็บไหนๆ แน่นอน