มันคงจะเป็นเรื่องที่น่าลำบากใจไม่น้อย หากต้องเลือกซื้ออย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างรถยนต์กับคอนโด เพราะว่าทั้ง 2 อย่างนี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิตยุคปัจจุบัน รวมไปถึงการซื้อรถและคอนโดยังเป็นความฝันของใครหลายๆ คน อีกด้วย เพราะฉะนั้นในวันนี้เราจึงได้นำเทคนิคซื้อรถกับคอนโดพร้อมกัน โดยไม่ให้มีปัญหาทางด้านการเงินมาฝาก ซึ่งถ้าคุณพร้อมแล้ว เราไปพบกับเทคนิคที่น่าสนใจนี้พร้อมๆ กันเลย
ตรวจสอบความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือน
อันดับแรกเราต้องขอให้คุณตรวจสอบความสามารถในการผ่อนชำระ(ค่ารถ,ค่าคอนโด)ต่อเดือนว่าตัวคุณเองผ่อนไหวอยู่ที่เท่าไหร่ ? ทั้งนี้ยอดที่คุณจะต้องชำระให้แก่ทางธนาคารหรือสถาบันการเงินต่อเดือนไม่ควรเกิน 70% ของรายได้ เพื่อให้คุณมีเงินเหลือกินเหลือใช้เหลือจ่ายในด้านอื่นๆ ร่วมด้วย (แต่หากน้อยกว่า 60% ของรายได้จะเหมาะสมมากๆ ซึ่งจะทำให้คุณมีเงินเหลือเพื่อเก็บ หรือใช้จ่ายในด้านอื่นๆ ที่ยื่นหยุ่นได้ดีขึ้น)
คำนวณค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่คุณต้องเจอ
ลำดับต่อมาก็ให้คุณคำนวณว่าค่ารถและค่าคอนโด(ที่คุณต้องการ)มียอดรวมที่ต้องจ่ายต่อเดือนเท่าไหร่? โดยเราจะขอยกตัวอย่างให้คุณได้มองเห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นดังนี้...
*ตัวอย่างการคำนวณต่อไปนี้เป็นการประมานการเบื้องต้นด้วยตัวเลขแบบง่ายๆ ไม่สามารถอ้างอิงเพื่อใช้กับสถาบันการเงินได้ เนื่องจากในการคำนวณจริงๆ นั้นจะต้องมีการคำนวณจากอัตราดอกเบี้ย ณ เวลานั้น ร่วมกับระยะเวลาของการกู้ด้วย ซึ่งคุณสามารถสอบถามกับสถาบันการเงินได้โดยตรง เพื่อคำนวณยอดการผ่อนต่อเดือนที่แม่นยำที่สุด ณ ดอกเบี้ยในเวลานั้นๆ
ค่าผ่อนรถยนต์ต่อเดือน
สมมุติ ถ้ารถยนต์ราคา 700,000 บาท (ดาวน์ 100,000 บาท) เท่ากับว่าคุณจะมีหนี้กับทางธนาคารหรือสถาบันการเงินอยู่ 600,000 บาท และคุณตัดสินใจผ่อน 60 เดือน ก็จะตกอยู่ที่เดือนละ 10,000 บาท
ค่าผ่อนคอนโดต่อเดือน
สำหรับการคิดคำนวณเงินค่าคอนโดที่คุณจะต้องจ่ายต่อเดือน ให้คุณคิดง่ายๆ เลยก็คือ “ล้านละ 7,000 บาท” ซึ่งถ้าคอนโดของคุณมีราคาอยู่ที่ 2,000,000 นั่นก็จะเท่ากับว่าคุณจะต้องจ่ายค่าคอนโดเดือนละ 14,000 บาท
ข้อแนะนำ : การวางเงินดาวน์จะช่วยให้ยอดเงินต้นในการกู้ของคุณน้อยลง ซึ่งช่วยให้ยอดผ่อนต่อเดือนน้อยลงด้วยเช่นกัน
ลองคำนวณยอดสินเชื่อเงินกู้ของคุณด้วยโปรแกรมคำนวณดูไหม?
หลังจากที่ได้รู้แล้วว่าจะต้องจ่ายค่ารถและค่าคอนโดต่อเดือนเท่าไหร่ ก็ให้คุณนำมาพิจารณาว่ารายจ่ายทั้งหมดมันเกิน 70% ของรายได้หรือไม่ ? (นำค่ารถและค่าคอนโดมาบวกกัน) ซึ่งถ้าเกินคุณก็อาจจะต้องมองหารถยนต์หรือคอนโดที่มีราคาถูกลง หรืออาจจะตัดใจเลือกซื้ออย่างใดอย่างหนึ่งก่อน เพราะถ้าหากดันทุรังทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองผ่อนจ่ายไม่ไหว นั่นก็อาจจะทำให้คุณต้องประสบกับปัญหาทางด้านการเงินเอาได้ง่ายๆ เลยทีเดียว แต่ถ้าหากคุณพิจารณาแล้วพบว่ารายจ่ายทั้งหมดยังไม่เกิน 70% และยังไม่ถึง 60% ของรายได้ ก็ให้คุณอ่านรายละเอียดในข้อต่อไปได้เลย
เลือกซื้อคอนโดให้ประหยัดมากยิ่งขึ้น
ถ้าหากคุณได้ลองคำนวณแล้วพบว่าค่ารถและค่าคอนโดมียอดรวมกันไม่เกิด 70% ของรายได้ จนทำให้คุณตัดสินใจที่จะซื้อคอนโด เราก็มีเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ว่าควรเลือกซื้อคอนโดอย่างไรให้ประหยัดเงินในกระเป๋ามากยิ่งขึ้น(เพื่อที่จะได้นำเงินไปจ่ายค่าดาวน์รถหรือโป๊ะรถ) ซึ่งเราก็ขอสรุปออกมาเป็นข้อๆ ดังนี้
วางเงินดาวน์ เพื่อลดเงินต้นและดอกเบี้ยในการผ่อน
เลือกซื้อคอนโดที่มีโปรโมชั่น ลด แจก แถม หรือแม้แต่การอยู่ฟรี 1 ปี
เลือกซื้อคอนโดมือสอง(สภาพเหมือนใหม่ แต่ราคาถูกลง)
เลือกซื้อคอนโดที่มีส่วนลดพิเศษ
เลือกซื้อคอนโดที่กำลังจะขายหมด (ปิดตึก)
โดยหลักการเลือกซื้อทั้ง 5 ข้อ ล้วนแล้วแต่จะทำให้คุณประหยัดเงินในกระเป๋าได้อย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้อย่าลืมคำนวณดูด้วยว่าเมื่อซื้อคอนโดเรียบร้อยแล้ว คุณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติมอีกบ้าง ? เช่น ค่าตกแต่งภายใน ค่าเฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ เพราะคุณอย่าลืมว่าทุกๆ ค่าใช้จ่ายจะมีผลต่อเงินในกระเป๋านั่นเอง
หากคุณได้ลองนำเทคนิคที่เราได้กล่าวไปข้างต้น ไปลองปรับประยุกต์ใช้ดู คุณก็จะรู้ได้ทันทีเลยว่าการซื้อรถยนต์และคอนโดพร้อมๆ กัน มันไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณได้คิดวิเคราะห์อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ รวมไปถึงคุณยังจะได้รู้อีกว่าสถานะทางการเงินของคุณพร้อมที่จะมีรถและคอนโดแล้วหรือยัง ? และสำหรับใครที่ต้องการเลือกซื้อคอนโด คุณก็สามารถเข้าไปเลือกชมโครงการคอนโดทำเลสวยกว่า 4,000 โครงการ ทั่วประเทศได้ที่ Propertyhub เว็บไซต์ที่ได้รวบรวมโครงการคอนโดมาให้คุณเลือกถึงที่ ซึ่งเราขอรับประกันเลยว่าคุณจะเจอคอนโดที่ใช่ ตรงกับงบประมาณที่คุณตั้งไว้อย่างแน่นอน