คำถามยอดฮิตระหว่าง รถยนต์ กับ คอนโด หากต้องเลือกซื้อก่อนสัก 1 อย่าง ควรซื้ออะไรก่อนดีนะ? บทความนี้มีคำตอบให้ช่วยตัดสินใจครับ
รถยนต์ ยานพาหนะที่สำคัญสำหรับการใช้ชีวิต ซึ่งการมีรถยนต์ส่วนตัวนั้นจะช่วยยกระดับชีวิตของเราให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน คุณจะตัดทุกปัญหาเรื่องการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะออกได้เลย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องรถหมด/รอนาน/รถแน่น/แย่งกันขึ้น ลืมสิ่งเหล่านี้ไปได้เลย และที่สำคัญคือคุณสามารถเดินทางไปไหนก็ได้ เมื่อใดก็ได้ ตามความสะดวกของคุณเลย ไม่แปลกว่าทำไมคนจำนวนมากถึงซื้อรถยนต์ส่วนตัวมาใช้งานกันเป็นเรื่องปกติ
คอนโด ที่พักอาศัยที่มีราคาเข้าถึงได้ง่าย และตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เดินทางได้อย่างสะดวก โดยเฉพาะคอนโดที่อยู่ใกล้กับแนวรถไฟฟ้า ซึ่งทำให้คุณเดินทางได้อย่างสะดวก ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหารถติดแต่อย่างใด และที่สำคัญเลย
หากเป็นคอนโดที่มีทำเลที่ดีอย่างเช่นใกล้รถไฟฟ้า, ใกล้ทางด่วน ก็ยิ่งมีราคาสูงขึ้นในอนาคต เพราะว่าราคาของคอนโดนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี หากมีคอนโดอยู่ในทำเลดังกล่าวนั้น ก็จะไม่แปลกเลยที่ราคาคอนโดจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เปรียบเทียบ รถยนต์ กับ คอนโด
คราวนี้ หากเรามีงบประมาณจำกัด ต้องการซื้อของใหญ่ๆ อย่างคอนโด หรือรถยนต์ได้เพียงอย่างเดียว เราควรซื้ออะไรก่อนดีกว่ากัน มีตารางเปรียบเทียบให้ดังนี้
ข้อดี
รถยนต์ | คอนโด |
สะดวกสบาย เดินทางไปไหนก็ได้ตามใจเรา | หากอยู่ในทำเลที่ดี จะเดินทางได้อย่างสะดวก |
ไม่ต้องเจอความวุ่นวายจากขนส่งสาธารณะ | ในทำเลดี ราคาจะเพิ่มสูงขึ้นทุกปี เหมาะกับการลงทุนระยะยาว |
แสดงสถานะทางสังคม | ค่าบำรุงรักษาต่ำ |
ข้อเสีย
รถยนต์ | คอนโด |
มีค่าบำรุงรักษาที่ต้องจ่ายเป็นประจำ ทั้งค่าเซอร์วิสและประกันภัย | ต้องปฎิบัติตามข้อบังคับการใช้อาคารชุด |
หากใช้งานในเมือง ต้องเจอกับปัญหาการจราจรติดขัด | เป็นค่าใช้จ่ายติดตัวในระยะยาว |
ค่าใช้จ่ายแฝงเยอะ อาทิเช่น ค่าน้ำมัน, ค่าจอดรถ, ค่าทางด่วน, ค่าอุปกรณ์เสริม ฯลฯ | หากทำเลไม่ดี ขายต่อยากมากๆ |
คำแนะนำทางการเงิน
จากประสบการณ์ของผู้เขียนเอง ที่ครอบครองทั้งรถยนต์และอสังหาริมทรัพย์ ถ้าคุณมีความจำเป็นต้องครอบครองทั้งรถยนต์และคอนโด ควรซื้ออะไรก่อนดี? ขอแนะนำให้ซื้อคอนโดก่อน เพราะหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อของธนาคารสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ กับ รถยนต์ มีความแตกต่างกันเป็นอย่างยิ่งครับ
โดยเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้น ธนาคารจะประเมิณวงเงินปล่อยสินเชื่อให้คุณจากรายได้ หักลบกับหนี้ที่คุณมีอยู่ ซึ่งรวมถึงหนี้ของบัตรเครดิตด้วย ซึ่งข้อแนะนำสำหรับการทำสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยคือคุณควรปลอดหนี้ก่อน
โดยธนาคารส่วนใหญ่ จะให้วงเงินการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของคุณด้วยหลักการ รายรับต่อเดือน*100 = วงเงินที่สามารถกู้ได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีเงินเดือน 30,000 บาท และมีโบนัสปีละ 1 เดือน = มีรายได้ปีละ 390,000 บาท หารด้วย 12 = เฉลี่ยเดือนละ 32,500 บาท = ได้วงเงิน 3,250,000 บาท*
*หลักเกณฑ์แต่ละธนาคารจะมีความแตกต่างกันออกไป จุดนี้เป็นการยกตัวอย่างแบบให้เห็นภาพง่ายๆ
แต่ถ้าคุณมีหนี้อยู่ สมมุติว่าคุณผ่อนมือถืออยู่เดือนละ 1,500 บาท ธนาคารก็จะเอาเงินเดือนของคุณลบกับค่างวดมือถือ ซึ่งก็คือ 30,000 - 1,500 = 28,500 บาท ทันที
ส่วนจำนวนงวดที่ผ่อนได้นั้น ธนาคารจะให้สูงสุดที่ 30 - 40 ปี แล้วแต่โปรโมชั่นของแต่ละธนาคาร โดยค่างวดนั้นจะต้องไม่เกิน 1 ใน 3 ของรายได้ ธนาคารจึงจะปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ให้กับคุณได้
ส่วนการกู้ซื้อรถยนต์นั้น จะมีความแตกต่างกันอยู่พอสมควรตรงที่ ธนาคารจะประเมิณหนี้ที่คุณมีอยู่เช่นเดิม แต่สินเชื่อจะผ่านหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับค่างวดที่คุณต้องการชำระ ซึ่งธนาคารจะประเมิณด้วยหลักการ เงินเดือน / 2 ยกตัวอย่างเช่นเงินเดือน 30,000 บาท ธนาคารจะให้คุณผ่อนได้สูงสุดถึงเดือนละ 15,000 บาทเลยทีเดียว
คราวนี้น่าจะเห็นภาพแล้วใช่ไหมครับว่า ซื้อคอนโด หรือซื้อรถยนต์ก่อนดีกว่า? สมมุติคุณซื้อคอนโดก่อน แล้วผ่อนอยู่ที่เดือนละ 6,000 บาท คุณก็ยังพอสามารถไปกู้ซื้อรถยนต์ได้อยู่ แต่ถ้าคุณซื้อรถยนต์ก่อน ผ่อนอยู่สักเดือนละ 8,000 บาท คุณอาจจะกู้ซื้อคอนโดไม่ได้เลยครับ
เงินเดือนเท่านี้ ซื้อคอนโดกับรถยนต์ได้ไหม
หากคุณมีความจำเป็นต้องซื้อทั้งสองอย่าง เราขอแนะนำให้คุณประเมิณตนเองตามขั้นตอนต่อไปนี้
รายได้รวมทั้งหมดของคุณทั้งปี มีเท่าไหร่ ให้หารเฉลี่ยออกมาเป็นเดือน
ยอดหนี้ก้อนใหญ่ทั้งคอนโดและรถยนต์ไม่ควรเกิน 50% ของรายได้ทั้งหมด
เพียงเท่านี้ คุณก็จะสามารถซื้อได้ทั้งคอนโดที่ต้องการ และรถยนต์ในฝันได้โดยไร้ปัญหากับธนาคารแล้วครับ
ติดตามรีวิวรถออกใหม่ เช็คราคาและตารางผ่อนรถยนต์ รถจักรยานยนต์ พร้อมอัปเดตข่าวสารในวงการรถยนต ก่อนใคร ที่เว็บไซต์ Autospinn หรือจะค้นหารถมือสอง ราคาโดน ๆ พร้อมโปรโมชั่นที่น่าสนใจ ต้องนึกถึง one2car ตลาดซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย